กระจกโลวอี LOW E คืออะไร ดีไม่ดีอย่างไร

  กระจกโลวอี แก้วLow-E หรือที่เรียกว่า Low E เป็นแก้วชนิดหนึ่งที่มีมานานกว่า 30 ปีในสภาพอากาศหนาวเย็น อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากการรณรงค์ให้ลดปริมาณความร้อนในอาคาร นอกจากนี้ ปริมาณกระจกสะท้อนแสงที่ลดลง และราคากระจก ของจีนที่ไม่แพงได้กระตุ้นให้เกิดการเพิ่มขึ้นนี้

กระจกโลวอี

กระจกโลวอี low-e glass คืออะไร ดีไม่ดีอย่างไร

กระจกโลวอี มีแก้วทรงเตี้ยให้เลือกหลายแบบ บางชนิดมีคุณประโยชน์น้อยข้อความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกกระจกทรงเตี้ยแก่ผู้อ่าน กระจก Low-E emissivity เป็นกระจกเคลือบที่มีคุณสมบัติหลักสองประการ ข้อดีราคาไม่แพงและคุ้มราคา เนื่องจากมีราคาสูงกว่ากระจก low-e glass ใสทั่วไปเพียง20% ถึง30% แต่ให้การป้องกันความร้อนของอาคารประมาณ40% ถึง50% จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก

  1. แก้วที่มีความใสจะกระจายความร้อนได้ช้ากว่าแก้วทั่วไป (นี่คือที่มาของคำว่าการแผ่รังสีต่ำ) อุณหภูมิความร้อนของแก้วจะแผ่กระจายน้อยกว่าอากาศโดยรอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของแก้ว
  2. กระจกแบบนี้ช่วยกระจายความร้อนจากแสงแดด แต่ใส สว่าง และมีค่าการสะท้อนแสงต่ำเพราะ กระจกโลวอี อีต่ำ ให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามาได้แต่ป้องกันความร้อน (อินฟราเรด) ไม่ให้ทะลุผ่านได้น้อยกว่ากระจกทั่วไป (แต่จะป้องกันความร้อนได้มากหรือน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของ กระจก Low-E คือ แต่ละสูตรการผลิต)

โลหะที่จะเคลือบอาจเป็นอะลูมิเนียมหรือเงิน แต่โลหะเงินจะธรรมดากว่าเนื่องจากมีค่าการแผ่รังสีต่ำเมื่อแตก

  • กระจก E ต่ำที่ทนทาน
  • กระจก E ต่ำเคลือบแบบนิ่ม

เลือกกระจกให้เหมาะ เพื่อรับมือกับความร้อน!!!

หลายคนมักสอบถามถึงการมีอยู่ของแก้ว ‘ของจริง’ ที่ไม่แพงเกินไป แต่มีผลอย่างมากต่อการลดอุณหภูมิ คำตอบคือ “ใช่!” ในราคาที่ใช้งานได้จริง มีข้อเสียที่ควรทำความเข้าใจเพื่อตัดสินใจ กระจกโลวอีที่ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม รับได้หากราคาแพงไปหน่อย อันนี้บอกตรงๆ

1) กระจกสีตัดแสง

Soles-Tinted-Glass

การจัดการความร้อนด้วยกระจก บทความนี้ผมจะต้องเขียนในเชิงวิชาการและคงจะเป็นหนังสือเล่มยาว ดังนั้น บทความนี้ผมจึงอยากจะเขียนอธิบายง่ายๆ โดยทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงกระจกประหยัดพลังงานที่ประกอบด้วย 3 ประเภทหลักเท่านั้น ซึ่งแก้วบางพันธุ์น่าจะคุ้นเคยกันดี บางพันธุ์อาจไม่รู้จักมาก่อน มาดูกันว่า ถ้าเราเลือกกระจกโลวอี ที่กระจายความร้อน เรามีทางเลือกอะไรอีกบ้าง? และประเภทต่าง ๆ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

greentint house

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นข้อเสีย: แก้วประเภทนี้จะกักเก็บความร้อนไว้ในแก้วในปริมาณที่สูง เนื่องจากผลิตจาก กระจก low-e pantip สเตนกลาส สิ่งนี้ทำได้โดยการเพิ่มออกไซด์ของโลหะต่าง ๆ ลงไป ทำให้กระจกสีโดนแสงแดดเป็นเวลานาน แก้วจะกักเก็บความร้อนไว้ และกระจายความร้อนอย่างช้าๆ ตลอดเวลา รวมถึงข้อควรระวังในการใช้กระจกชนิดนี้ในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานๆ แก้วมีแนวโน้มที่จะล้มเหลวได้เองเนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นของแก้ว

2) กระจกโลว์อี (Low-E Glass)

คำว่าLow-E ย่อมาจาก”Low Emission” ซึ่งในบริบทนี้หมายถึงกระจกที่มีการถ่ายเทความร้อนต่ำ กระจกโลวอี หุ้มด้วยชั้นสีเงินบางๆ ด้านนอก การเคลือบบนกระจกมีวัตถุประสงค์เพื่อสะท้อนความร้อนจำนวนมากไปยังช่องว่าง อย่างไรก็ตาม กระจกLow-E ยังได้รับการออกแบบให้แสงส่องผ่านได้มาก

ซึ่งทำได้โดยมีหลายระดับให้เลือก ระดับทั่วไป ได้แก่ กระจกแบบเคลือบแข็งLow-E พร้อมค่าการแผ่รังสี15-36% และกระจกแบบ Soft Coatกระจกโลวอี ที่มีการถ่ายเทความร้อนต่ำมาก เพียง2-10% เท่านั้น! กระจกชนิดนี้จึงเป็นกระจกชนิดหนึ่งที่ป้องกันความร้อนได้สูงมาก ในขณะที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่อาคารได้มาก กระจกLow-E ถือเป็นกระจกที่ประหยัดพลังงานและประหยัดไฟมากที่สุดในปัจจุบัน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม